ทำความเข้าใจปริมาณไวรัสในการจัดการเอชไอวี
ในการจัดการเชื้อเอชไอวี การทำความเข้าใจปริมาณไวรัสเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ปริมาณไวรัส หมายถึง ปริมาณไวรัสเอชไอวีที่มีอยู่ในเลือดของบุคคลที่อาศัยอยู่ร่วมกับไวรัสเอชไอวี เป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพใช้เพื่อติดตามการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเอชไอวี ประเมินประสิทธิผลของการรักษา และตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย
Viral Load คืออะไร?
Viral load หรือ ค่า VL คือ ปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวี ในเลือด 1 มิลลิลิตร (Cells/cu.mm)
ปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวี วัดจากจำนวนสำเนาของ HIV RNA ต่อเลือดหนึ่งมิลลิลิตร การวัดนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ทราบได้ว่าไวรัสมีการแบ่งตัวภายในร่างกายอย่างไร โดยทั่วไป ปริมาณไวรัสที่สูงขึ้นบ่งชี้ถึงการแพร่กระจายของไวรัสเอชไอวีที่มากขึ้น และการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณไวรัสที่ลดลงบ่งบอกถึงระดับไวรัสเอชไอวีที่ควบคุม หรือระงับได้ ดังนี้
- ถ้าเมื่อไหร่ปริมาณของเชื้อไวรัสเอชไอวีในเลือด เหลือน้อยกว่า 50 ตัว (ก๊อปปี้) ต่อ 1 มิลลิลิตรของเลือด ทางการแพทย์จะเรียกว่า เป็นสถานการณ์ ควบคุมไวรัสได้ เป็นการควบคุมไม่ให้เชื้อไวรัสก๊อบปี้ตัวเพิ่ม นั่นแสดงว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีในเลือด และของเหลวในร่างกายมีน้อยมากแล้วนั่นเอง
- ถ้าเมื่อไหร่ที่ปริมาณของเชื้อไวรัสเอชไอวีในเลือดสูง แสดงว่า ยาที่ผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีกิน ไม่สามารถควบคุมเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ มีการก๊อบปี้ตัวเพิ่มขึ้น เพราะว่ายิ่งมีปริมาณของเชื้อไวรัสเอชไอวีในเลือดมาก ก็ยิ่งทำให้จำนวนของ CD4 ลดลง จึงทำให้เกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาสอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น
ความสำคัญของปริมาณไวรัสในการจัดการเอชไอวี
- การติดตามการแพร่กระจายของไวรัส ปริมาณไวรัส เป็นสิ่งสำคัญสำหรับที่บ่งบอกถึงการแพร่กระจายของการติดเชื้อเอชไอวี ถ้าปริมาณไวรัสที่เพิ่มขึ้นมักบ่งชี้มีการกระจายของไวรัสเอชไอวีที่มากขึ้น และอาจส่งสัญญาณถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ลดลง ในทางกลับกัน ปริมาณไวรัสที่ลดลงบ่งชี้ว่าการรักษาเอชไอวี สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสเอชไอวี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การประเมินประสิทธิภาพการรักษา สำหรับบุคคลที่รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ART การติดตามปริมาณไวรัส ถือเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินประสิทธิผลของการรักษา เป้าหมายของยาต้านไวรัส ART คือ การยับยั้งการจำลองแบบของไวรัสให้อยู่ในระดับที่ตรวจไม่พบ หรือสามารถรควบคุบไวรัสได้ โดยการทดสอบปริมาณไวรัสเป็นประจำช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการแพทย์พิจารณาว่าการรักษาสามารถยับยั้งไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ การรักษาปริมาณไวรัสที่ตรวจไม่พบไม่เพียงแต่ช่วยชะลอการลุกลามของโรค แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นอีกด้วย
- แนวทางการตัดสินใจในการรักษา การวัดปริมาณไวรัสมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจในการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ในกรณีที่ปริมาณไวรัสยังคงตรวจพบได้แม้จะมีการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ผู้ให้บริการด้านการแพทย์อาจแนะนำให้ปรับวิธีการรักษาเพื่อปรับปรุงการปราบปรามไวรัส นอกจากนี้ การทดสอบปริมาณไวรัสช่วยระบุกรณีการรักษาล้มเหลว โดยที่ไวรัสเกิดความต้านทานต่อยาบางชนิด ทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการรักษา
- ป้องกันการแพร่เชื้อ เพื่อบรรลุเป้าหมาย และเพื่อรักษาปริมาณไวรัส ให้อยู่ในปริมาณไวรัสที่น้อยลงจนตรวจไม่พบโดยการรักษาเอชไอวีที่มีประสิทธิผล ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของแต่ละบุคคลเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังผู้อื่นอีกด้วย การวิจัยพบว่าบุคคลที่มีการระงับปริมาณไวรัสอย่างต่อเนื่องมีความเสี่ยงต่ำมากในการแพร่เชื้อไวรัสไปยังคู่นอนของตน ซึ่งเรียกว่า “Undetectable = Untransmittable” (U=U) โดยเน้นย้ำถึงคุณประโยชน์สองประการของการรักษาในการปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวี
วิธีตรวจหาปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวี มีดังนี้
- การตรวจ Reverse-transcriptase polymerase chain reaction (RT-PCR)
- การตรวจ Branched DNA (bDNA)
- การตรวจ Nucleic acid sequence-based amplification (NASBA)
การตรวจเหล่านี้เป็นการตรวจหาปริมาณสารพันธุกรรม (RNA) ของไวรัสเอชไอวีในเลือด แต่การตรวจแต่ละประเภทมีรายงานผลการตรวจแตกต่างกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ผลการตรวจเดิมเมื่อเวลาผ่านไป
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
ในภาพรวมของการจัดการเอชไอวี ปริมาณไวรัสทำหน้าที่เป็นรากฐานสำคัญในการประเมินการแพร่กระจายเชื้อไวรัส โดยการติดตามประสิทธิภาพการรักษา เพื่อชี้แนะการตัดสินใจ และการป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี ด้วยการทดสอบปริมาณไวรัสเป็นประจำ ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีความสำคัญมากในรักษาเอชไอวีสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะยาว และสำหรับแพทย์ผู้ที่ทำการรักษา เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีอีกด้วย