อาการเริ่มต้นของ โรคหูดหงอนไก่

อาการเริ่มต้นของ โรคหูดหงอนไก่

โรคหูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ ช่องปาก ดวงตา โพรงจมูก ปากช่องคลอด คลิตอริส ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก เป็นต้น ซึ่งในช่วงหลังตรวจพบบ่อยขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 16-25 ปี และในกลุ่มวัยทำงานที่มีโอกาสนัดเจอกันจากโลกออนไลน์ได้สูง ทำให้มีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายและขาดการป้องกันโรค

เพราะอะไรถึงเป็น โรคหูดหงอนไก่

หูดหงอนไก่ คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีช่องทางในการติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย ไม่ว่าจะทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปากก็ตาม และอาจติดเชื้อผ่านการสัมผัสกับหูดโดยตรงผ่านกิจกรรมทางเพศ ในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ สามารถแพร่เชื้อโรคนี้ไปยังลูกน้อยได้ขณะคลอด ส่งผลให้เด็กมีอาการกล่องเสียงอุดตัน หายใจลำบาก และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งปัจจัยที่มีแนวโน้มทำให้เป็นโรคหูดหงอนไก่ ได้แก่

  • มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น แบบไม่สวมถุงยางอนามัย
  • มีจำนวนคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
  • เด็กที่เกิดจากแม่ที่มีเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV)
  • คู่นอนของคุณเป็นโรคหูดหงอนไก่อยู่
  • ไม่ได้รับวัคซีนเอชพีวีมาก่อน
  • คนที่มีภูมิคุ้มกันในระดับต่ำ
  • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย
  • ไม่ได้ขลิบอวัยวะเพศชาย
  • ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • สูบบุหรี่จัด

โรคหูดหงอนไก่ อาการเป็นอย่างไร

ความจริงแล้ว โรคนี้แทบไม่แสดงอาการใดๆ ให้เราเห็นเลย หากจะอธิบายลักษณะของหูดที่เกิดขึ้นคล้ายดอกกะหล่ำ สีแดงหรือขาว หากไม่สังเกตจริงๆ แทบจะมองไม่เห็นเลยทีเดียว เพราะมีขนาดเล็กมาก มักจะเกิดบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บหรือคันใดๆ หลายคนจึงไม่รู้ตัวว่าเป็นหูดหงอนไก่อยู่ โดยหูดนี้มักจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผิวหนังที่อวัยวะเพศมีซอกหลืบมากกว่าและมีความชื้นมากกว่านั่นเอง นอกจากนี้ ผู้หญิงที่เป็นโรคหูดหงอนไก่ยังจะมีอาการตกขาวผิดปกติและมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย

โรคหูดหงอนไก่ รักษาได้หรือไม่

การรักษาโรคหูดหงอนไก่ จะเป็นการรักษาที่ช่วยบรรเทาอาการเพียงเท่านั้น เพราะโรคนี้จะขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วยด้วยว่ามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงหรือไม่ และยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ถึง 70% ในระยะเวลา 6 เดือนหลังจากทำการรักษาเสร็จสิ้น และเนื่องจากใช้เวลาในการรักษาพอสมควรแพทย์จะทำการนัดผู้ป่วย เพื่อมาทายารักษาหูดหงอนไก่ทุกๆ 1 สัปดาห์ ก่อนเริ่มทาจะต้องปัสสาวะให้เรียบร้อย เพราะหลังจากทายา ห้ามโดนน้ำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง แต่ในผู้ป่วยบางราย แพทย์จะจ่ายยาทาหูดให้ด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยทารักษาแผลได้ด้วยตัวเอง ได้แก่

ยาอิมิควิโมด (Imiquimod/Aldara)

เป็นกลุ่มยาที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการแพร่เชื้อของหูดที่อวัยวะเพศหรือบริเวณรอบทวารหนัก ใช้ทาแบบบางๆ สำหรับยาที่มีความเข้มข้น 5% ให้ทาสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เวลาเดิม ต่อเนื่องกัน 4 เดือน และไม่ควรทายาติดต่อกัน 2 วัน เพราะยาอิมิควิโมดนี้มีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแสบร้อนได้ในผู้ป่วยบางราย

ยาโพโดฟิลอก (Podofilox)

เป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ต่อต้านการแบ่งตัวของเชื้อหูดที่อวัยวะเพศ ใช้ทาเฉพาะบริเวณที่มีหูดวันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) ต่อเนื่องกัน 3 วัน จากนั้นหยุดทา 4 วัน ทำแบบนี้ซ้ำอีก 3 รอบหรือตามคำสั่งแพทย์จนกว่าจะไม่พบหูดอีก ยาชนิดนี้สามารถซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนังได้ จึงห้ามใช้รักษาสำหรับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร เพราะมีผลข้างเคียงโดยตรงกับเด็กได้

หากการรักษาได้ผล หูดหงอนไก่ที่มีก้านมักจะหลุดออกไปได้เองภายใน 2-3 วัน และเริ่มปรับสภาพเป็นเซลล์ตาย นอกจากนี้ยังสามารถรักษาด้วยการจี้ไฟฟ้า การจี้เย็น และการผ่าตัดด้วยใบมีด ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยโรคของแพทย์เป็นสำคัญ

แม้ว่า หูดหงอนไก่ จะเกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวีที่ไม่ได้ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่คนเราก็สามารถติดเชื้อได้หลายสายพันธุ์พร้อมกัน การป้องกันไว้ดีกว่าแก้ย่อมดีกว่า เพราะหากเป็นมะเร็ง ก็จะส่งผลให้เกิดความยุ่งยากในขั้นตอนการรักษา หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เป็นโรคหูดหงอนไก่ ทำให้ส่งผลเสียต่อเด็กทารกในการคลอด หรือหากเด็กคลอดออกมาแล้ว ก็มีโอกาสที่จะมีปัญหาที่หลอดลม คอหอย เส้นเสียง ทำให้เด็กหายใจลำบาก ต้องใช้การผ่าตัดทำให้เด็กเจ็บตัวหลายครั้ง หรือร้ายแรงที่สุดคือเด็กเสียชีวิตได้

สรุปสาระสำคัญของ โรคหูดหงอนไก่

หูดหงอนไก่ ป้องกันได้ดีที่สุด คือ การมีคู่นอนเพียงคนเดียว จะช่วยลดโอกาสรับเชื้อจากคนอื่นที่เราไม่รู้ว่าเขาได้ป้องกันตัวเองดีแค่ไหน หรือมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่หรือเปล่า การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ก็ถือว่าช่วยได้ แต่ก็ไม่หมดทุกส่วนเพราะเชื้อยังสามารถพบได้ที่บริเวณทวารหนัก ฝีเย็บ หัวหน่าว และบริเวณอื่นที่ถุงยางอนามัยครอบไม่ถึง การป้องกันโรคหูดหงอนไก่อีกทางหนึ่ง คือการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีชนิด 4 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18) และ 9 สายพันธุ์ ที่สามารถฉีดได้ทั้งหญิงและชาย รวมทั้งยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งทวารหนักได้อีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Similar Posts