เอดส์ (AIDS) ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี
เอดส์ (AIDS) ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่ทำให้ผู้ป่วยมีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย
เอชไอวี (HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 หรือ T-cells ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ในร่างกายลดลง จนในที่สุดร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันเพียงพอในการป้องกันร่างกายจากเชื้อโรค หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาก็จะเข้าสู่ระยะเอดส์
ระยะของการติดเชื้อเอชไอวี
การติดเชื้อเอชไอวีสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
-
ระยะเฉียบพลัน (Acute HIV infection) ระยะนี้มักเกิดขึ้นภายใน 2 – 6 สัปดาห์ หลังติดเชื้อ ผู้ป่วยอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เป็นต้น อาการเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 2 – 4 สัปดาห์
-
ระยะแฝง (Asymptomatic HIV infection) ระยะนี้มักกินเวลานานหลายปี ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการใด ๆ เลย หรืออาจมีอาการไม่รุนแรง เช่น น้ำหนักลด ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นต้น
-
ระยะเอดส์ (AIDS) ระยะนี้เกิดขึ้นเมื่อระดับเม็ดเลือดขาว CD4 ลดลงต่ำกว่า 200 เซลล์ ผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย อาการของโรคเอดส์ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ และการติดเชื้อฉวยโอกาสที่ผู้ป่วยได้รับ ซึ่งจะมีอาการรุนแรง และมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง
อาการของระยะ เอดส์
-
- น้ำหนักลดมากกว่า 10% ของน้ำหนักตัวเดิมภายใน 1 เดือน
- มีไข้เรื้อรังนานกว่า 1 เดือน
- ท้องเสียเรื้อรังนานกว่า 1 เดือน
- ไอเรื้อรัง
- เจ็บคอเรื้อรัง
- เหงื่อออกกลางคืน
- อ่อนเพลียเรื้อรัง
- เกิดแผลที่ผิวหนังหรือเยื่อบุได้ง่ายและหายช้า
- การติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น วัณโรคปอด เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา โรคปอดบวมจากเชื้อรา โรคปอดบวมจากไวรัส การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก การติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหาร เป็นต้น
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเอดส์
ภาวะแทรกซ้อนเกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกทำลายจนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ และโรคต่างๆ ได้ ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย ได้แก่
- การติดเชื้อฉวยโอกาส (Opportunistic infections) เป็นการติดเชื้อที่มักพบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น วัณโรค ปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมซิสติส เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อคริปโตคอคคัส โรคติดเชื้อราแคนดิดา โรคติดเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลา โรคติดเชื้อหนอนพยาธิ โรคติดเชื้อไวรัสไซโตเมกะโลไวรัส โรคติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ เป็นต้น
- มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งทวารหนัก มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
- ภาวะสมองเสื่อม (AIDS dementia complex) เป็นภาวะที่สมองถูกทำลายจากเชื้อเอชไอวี ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการสับสน มึนงง อ่อนเพลีย สูญเสียความจำ เป็นต้น
- ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) เป็นภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลด กล้ามเนื้อฝ่อ เป็นต้น
การรักษาโรคเอดส์
โรคเอดส์ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการและยืดอายุของผู้ป่วยได้ด้วยการรับประทานยาต้านไวรัส (Antiretroviral therapy) อย่างต่อเนื่อง ยาต้านไวรัสจะช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวีในร่างกาย ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการพัฒนาสู่ระยะของโรคเอดส์ และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาส
การป้องกัน เอดส์
วิธีป้องกันเอดส์ ที่ดีที่สุด คือ การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ ยังสามารถป้องกันเอดส์ได้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยคู่นอนบ่อย
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ เช่น ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
- ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- ตรวจคัดกรองเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เป็นประจำ
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
ในปัจจุบัน โรคเอดส์ ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (Antiretroviral therapy) ยาต้านไวรัสจะช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสเอชไอวี ทำให้ระดับเซลล์ CD4 ในเลือดเพิ่มขึ้น และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ